เริ่มแล้ว สำหรับกิจกรรมธรรมะออนทัวร์ปีที่ 11 ประจำปี 2565 ที่จัดโดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยฝ่ายบริหารความสัมพันธ์และการสร้างประโยชน์ สำนักทรัพยากรบุคคล พาพนักงานในเครือไทยเบฟ ร่วมเดินทางตามรอยเส้นทางธรรมองค์หลวงปู่มั่น ใน 7 เส้นทาง แบบ One Day trip ภายใต้โครงการ ท่องเที่ยวโดยชุมชน ตามรอยองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนได้เดินทางเข้าไปศึกษาชีวประวัติ วัตรปฏิบัติอันงดงาม และปฏิปทาคำสอนของหลวงปู่มั่น

โดยกิจกรรมครั้งที่ 1 ของธรรมะออนทัวร์ปีที่ 11 ได้เริ่มต้นขึ้นที่ จ.หนองบัวลำภู เริ่มต้นเส้นทางธรรมที่วัดมหาชัย อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู สถานที่ที่องค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จำพรรษา เมื่อปี พ.ศ.2466 หลังจากนั้นได้เดินทางไปต่อที่วัดถ้ำกลองเพล สถานที่ปฏิบัติธรรมของหลวงปู่ขาว อนาลโย ศิษย์สายวิปัสนากรรมฐานขององค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ปัจจุบันวัดถ้ำกลองเพล หลวงพ่ออินทร์ถวาย ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีที่คณะได้มีโอกาสได้เข้ากราบนมัสการหลวงพ่ออินทร์ถวาย พร้อมฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับการปฏิบัติและคำสอนขององค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตจากท่าน

นอกจากนี้ คณะยังได้เดินทางเยี่ยมชมศูนย์ศิลปาชีพพิเศษ ในโครงการพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ บ้านถ้ำกลองเพล ได้มีโอกาสเรียนรู้ขั้นตอนการทอผ้า ทั้งเข็นฝ้าย ย้อมสี และทอผ้า เมื่อได้ลงมือ ทำกันจริง ๆ งานนี้เลยรู้ว่ากว่าจะได้ผ้าแต่ละผืนมาตัดเย็บ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว และปิดท้ายด้วยการอุดหนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนกันอย่างคึกคัก ก่อนที่จะปิดทริปในครั้งนี้ ได้เดินทางกันไปต่อที่วิชชาลัยผ้าทอหนองบัวลำภู เทวาผ้าไทย ชุมชนที่เข้าร่วมโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทยมาอย่างต่อเนื่อง ได้เปิดบ้านฟ้อนรำต้อนรับคณะอย่างเป็นกันเอง โดยมีคุณกิตติพันธ์ สุทธิสา ได้กล่าวต้อนรับคณะ พร้อมแนะนำศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ หลังจากนั้นเปิดโอกาสให้เพื่อนพนักงานอุดหนุนสินค้ากันอย่างจุใจก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านด้วยความอิ่มบุญ อิ่มใจ

นายอุดมศักดิ์ เพื่อนพนักงานจาก บจก.แคชแวนแมนเนจเม้นท์ ที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ บอกเล่าความรู้สึกที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ว่า “ถือเป็นมงคลชีวิต ที่มีโอกาสได้กราบนมัสการและฟังธรรมเทศนาจากหลวงพ่ออินทร์ถวาย เจ้าอาวาสวัดถ้ำกลองเพล เพราะปกติตนเองป็นสายปฏิบัติอยู่แล้ว รู้สึกประทับใจที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมธรรมะออนทัวร์ วันนี้ผมได้เรียนรู้ประวัติความเป็นมาของวัด และโชคดีมาก ไม่คาดคิดว่าจะเจอเกจิอาจารย์ชื่อดัง ซึ่งผมได้ติดตามท่านจากเพจและเว็บไซต์ของท่าน วันนี้ได้เข้ากราบท่าน ได้ฟังเทศน์จากท่าน ถือว่าเป็นมงคลชีวิตครับ นอกจากนี้ผมไม่คิดว่าจะได้มาสัมผัสกับชุมชน เข้าใจว่าน่าจะไปที่วัดเพื่อเรียนรู้วัตรปฏิบัติเพียงอย่างเดียว การได้เข้ามาที่ชุมชนทำให้เห็นมุมมองของการท่องเที่ยวที่แตกต่างไปจากเดิม ไม่ใช่ว่าจะไปแต่วัด เพราะชุมชนก็เป็นส่วนหนึ่งของวัด เป็นการมีส่วนร่วมซึ่งกันและกัน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนได้ นับว่ากิจกรรมที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์”

ทางด้านสุภาพร จันทรศรี จาก บจก.นำรุ่งโรจน์ จังหวัดขอนแก่น เล่าถึงประสบการณ์ที่ได้ร่วมกิจกรรมว่า “เป็นกิจกรรมที่ดี ไม่เคยมีโอกาสได้ไป วันนี้ได้รับความรู้ ทราบความโดดเด่นของแต่ละชุมชน ทำให้เราอยากไปอีก ตอนแรกเราก็มากับบริษัท ก็อยากพาครอบครัวไปอีก ได้เรียนรู้วิธีการทอผ้า เริ่มตั้งแต่ปลูกฝ้าย อิ้วฝ้าย เข็นฝ้าย ได้ทดลองทำแล้วสนุก ได้เรียนรู้จากชุมชน เข้าใจมากขึ้นว่าทำไมผ้าทอมือถึงมีราคาสูงกว่าผ้าทอจากโรงงาน เพราะกว่าจะได้ฝ้ายแต่ละเส้นมาทอ ใช้เวลาและฝีมืออย่างมาก"

การเดินทางแสวงบุญครั้งนี้ นอกจากได้รับความสนใจจากเพื่อนพนักงานบริษัทในเครือไทยเบฟแล้ว ยังบูรณาการความความร่วมมือ และส่งเสริมสนับสนุนบทบาทของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนให้มีส่วนร่วมในการสืบสาน สร้างสรรค์และต่อยอดการท่องเที่ยว ดังนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยคุณปทิตตา ตันติเวชกุล รองผู้อำนวยการภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อนุเคราะห์ของที่ระลึกและข้อมูลการท่องเที่ยวของจังหวัดหนองบัวลำภูให้กับคณะที่ร่วมเดินทางในทริปนี้ ด้านสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดหนองบัวลำภู ร่วมให้การต้อนรับ ขณะที่บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีหนองบัวลำภู (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด โดย คุณธนวิทย์ คงสุริยะ กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้นำทัวร์ตลอดเส้นทางของกิจกรรมในวันนี้ รวมทั้งประสานงานกับชุมชนในพื้นที่ และคุณปรีชา พรหมบุตร ผู้ประสานงานสนับสนุนโครงการพัฒนาชุมชน สำนักกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ร่วมลงพื้นที่ประสานชุมชนจัดเตรียมเส้นทางท่องเที่ยวตามรอยธรรมในครั้งนี้

เรียกได้ว่ากิจกรรมธรรมะออนทัวร์ปีที่ 11 ทริปแรกนี้นอกจากจะได้ไหว้พระอิ่มบุญแล้ว ยังอิ่มเอมใจที่ได้ช่วยอุดหนุนสินค้าชุมชน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ยังสร้างความภูมิใจในวัฒนธรรมท้องถิ่นให้กับชุมชนอีกด้วย สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ได้สร้างรายได้ให้กับชุมชนกว่า 32,270 บาท