บทความและข่าวสาร
ตามรอยเส้นทางศรัทธาแห่งการละสังขาร บูรพาจารย์แห่งอีสาน พระอาจารย์ใหญ่แห่งกองทัพธรรม “โครงการท่องเที่ยวโดยชุมชน ตามรอยองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต” จ.สกลนคร-จ.นครพนม
นับเป็นปีที่สำคัญของวงการพระสงฆ์ไทย และยังเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ ๑๕๐ ปี ชาตกาล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศยกย่องเชิดชู หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ให้เป็นบุคคลสำคัญ ของโลก สาขาสันติภาพ ในวาระปี พ.ศ. ๒๕๖๓ - พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยถือเป็นพระอริยสงฆ์รูปที่ ๓ ของประเทศไทยที่ได้รับ การยกย่องนี้ และเพื่อเป็นการถวายเป็นอาจาริยบูชา แด่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย และมูลนิธิสิริวัฒนภักดี เปิดเส้นทางแห่งศรัทธา ภายใต้ชื่อ
“โครงการท่องเที่ยวโดยชุมชน ตามรอยองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต” ๓๕ แห่งทั่วประเทศ ที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้จาริกไปในพื้นที่ต่างๆ
เกี่ยวกับรายละเอียด
“โครงการท่องเที่ยวโดยชุมชน ตามรอยองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต” นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ที่ปรึกษากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในนามประธานคณะทำงานโครงการฯ ให้ข้อมูลว่า
“นับเป็นโอกาสอันดีในการจัดให้มีโครงการท่องเที่ยวโดยชุมชนตามรอยองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เพื่อเชิญชวนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้เดินทางเข้าไปเรียนรู้ประวัติ วัตรปฏิบัติอันงดงาม รวมทั้งปฏิปทา คำสอนขององค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งตามประวัติท่านได้จาริกไปในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และประเทศใกล้เคียง เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาและนำไปปฏิบัติสืบไป อีกทั้งยังเป็นการช่วยส่งเสริม และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่เป็นการกระจายรายได้ เข้าสู่วิสาหกิจ ผู้ประกอบการร้านค้าชุมชน ร้านอาหารโฮมสเตย์ ผู้ผลิตสินค้าชุมชน ของที่ระลึก และพัฒนาจนมีวิสาหกิจเพื่อสังคมเกิดใหม่ขึ้นมาได้ โดยโครงการจะให้ข้อมูลสำคัญ ๓๕ แห่ง ทั่วประเทศที่หลวงปู่มั่นได้จาริกไปในพื้นที่ต่างๆ ผ่านการประชาสัมพันธ์ทาง www.luangpumun-cbt.org เพื่อให้ประชาชนและผู้ที่ศรัทธาได้ศึกษา พร้อมทั้งข้อมูลสถานที่และแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนโดยรอบสถานที่เหล่านี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก
สำหรับการตามรอยเส้นทางธรรม ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นับเป็นพื้นที่มีความสำคัญ โดยเฉพาะเป็นเส้นทางวาระแห่งการละสังขาร ซึ่งท่านเคยจำพรรษาและพักวิเวกในช่วงสุดท้ายในชีวิตสมณะ และมั่นหมายว่าท่าน จะละสังขารในพื้นที่ จังหวัดสกลนคร อาทิ
วัดป่านาคนิมิตต์ ต.ตองโขป อ.โคกศรีสุพรรณ
ท่านได้เลือกจำพรรษาที่เสนาสนะป่าบ้านนามน หรือ วัดป่านาคนิมิตต์ เพราะพระอาจารย์ทั้งหลายที่เป็นศิษย์ได้มานมัสการฟังธรรมมากขึ้นโดยไม่ได้นัดหมาย เป็นปีที่ท่านกลั่นกรองความเพียรของคณะศิษย์ โดยอุบายวิธีต่าง ๆ ทั้งเทศน์อบรม ทั้งใช้อุบายขู่เข็ญไม่ให้นอนใจในการทำความเพียร พร้อมทั้งให้อุบายในธรรมปฏิบัติด้วย บนกุฏิหลวงปู่มั่น ยังเป็นเหมือนศาลาแสดงธรรมของหลวงตาท่าน ที่ชื่อว่า "มุตโตทัย" ในปี ๒๔๘๕ และสถานที่นี้ยังเป็นที่กำเนิดบันทึกพระธรรมเทศนาที่สำคัญของหลวงปู่มั่น คือ " มุตโตทัย " ที่บันทึกครั้งแรก ณ วัดนี้ โดยพระอาจารย์วิริยังค์
วัดป่าภูริทัตตถิราวาส ต.นาใน อ.พรรณานิคม หรือวัดป่าหนองผือนาใน
ท่านได้จำพรรษาในช่วงปัจฉิมวัย เป็นระยะเวลา ๕ ปี ซึ่งนับเป็นสถานที่พำนักนานที่สุด และใช้เป็นที่สั่งสอนลูกศิษย์ ต่อมาลูกศิษย์ได้เป็น ครูบาจารย์วัดป่า สายพระอาจารย์มั่นมากมาย
วัดป่ากลางโนนภู่ ต.ไร่ อ.พรรณานิคม
วาระสุดท้ายก่อนนิพพาน อาการป่วยของท่านหนักขึ้นทุกวัน องค์ท่านทราบถึงความเป็นไปในอนาคตแล้วปรารภที่จะไปมรณภาพที่วัดป่าสุทธาวาส จึงได้มีการจะนำท่านไปยังวัดป่าสุทธาวาส โดยอาราธนาท่านพักบนคานหาม และแวะพักที่ศาลาหลังเล็กวัดป่าบ้านกลางโนนภู่ก่อนเป็นเวลา ๑๐ วัน
วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง
เป็นสถานที่ท่านเคยธุดงค์มาจำพรรษา และช่วงอาพาธหนัก ท่านประสงค์จะมาละสังขารที่วัดแห่งนี้ และในที่สุดได้มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๒ รวมอายุได้ ๘๐ ปี ๕๘ พรรษา
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งพื้นที่สำคัญ ในจ.นครพนม ได้แก่
วัดโพธิ์ชัย ต.สามผง อ.ศรีสงคราม โดยท่านได้ปักกลด จำพรรษา ๓-๔ พรรษา และเปลี่ยนแปลงความเชื่อของชาวบ้านจากการนับถือผี มาเป็นนับถือหลักธรรมคำสอน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งต่อมาได้มีการเปลี่ยนจากวัดมหานิกายเป็นวัดธรรมยุติในเวลาต่อมา
ปัจจุบันชาวภูไทในพื้นที่จังหวัดสกลนครและนครพนมยังคงเคารพ ยึดถือคำสอนของหลวงปู่มั่นมาโดยตลอด และมีวิถีชีวิตดั้งเดิมเหมือนในอดีต อาทิ การตักบาตรข้าวเหนียว และการไม่ทานเนื้อดิบ
และเมื่อเดินทางมาตามรอยคำสอนของหลวงปู่มั่นแล้ว ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจในชุมชน ได้แก่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอผ้าฝ้ายย้อมครามบ้านอูนดง กลุ่มทอผ้าฝ้ายย้อมสีเปลือกไม้บ้านผักคำภู จ.สกลนคร โฮมสเตย์ชุมชน กิจกรรมตักบาตรข้าวเหนียว ณ ถนนธรรม บ้านหนองผือ รวมไปถึง ฐานการเรียนรู้การทอผ้าไหม มัดหมี่ และศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนสามผง จ.นครพนม รอต้อนรับทุกท่าน เมื่อเดินทางมาตามรอยศรัทธาอีกด้วย
“โครงการท่องเที่ยวโดยชุมชน ตามรอยองค์หลวงปู่มั่น” ในระยะที่ ๑ ประกอบด้วยพื้นที่หลัก ๔ จุด ได้แก่
ภาคกลาง
จ.ลพบุรี (
วัดสิริจันทรนิมิตรวรวิหาร และ
วัดทุ่งสิงห์โต)
กรุงเทพมหานคร (
วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร และ
วัดบรมนิวาสราชวรวิหาร)
ภาคเหนือ
จ.เชียงใหม่(
วัดถ้ำเชียงดาว วัดเจดีย์หลวง)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จ.อุบลราชธานี (อนุสรณ์สถานหลวงปู่มั่น บ้านคำบง และถ้ำภูหล่น สถานที่ปฐมสมถวิปัสนากัมมัฏฐาน ) จ.สกลนคร (
วัดป่าภูริทัตตถิราวาส วัดป่ากลางโนนภู่ อ.พรรณานิคม วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง และ
วัดป่านาคนิมิตต์ อ.โคกศรีสุพรรณ) จ.นครพนม (
วัดโพธิ์ชัย อ.ศรีสงคราม วัดพระธาตุพนม และ
วัดเกาะแก้ว อ.ธาตุพนม )
โดยในแต่ละพื้นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวของหลวงปู่มั่น คำสอน และแรงศรัทธาของชาวบ้านในพื้นที่ที่ยังคงยึดถือปฏิบัติต่อมา”
ทางด้าน นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร กล่าวว่า “ขอขอบคุณทางบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ที่ได้จัดทำ
“โครงการท่องเที่ยวโดยชุมชน ตามรอยองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต”ซึ่งเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์และมีวิสัยทัศน์ตรงกับทางจังหวัดสกลนคร ในการท่องเที่ยวตามรอยหลวงปูมั่น ซึ่งเป็นพื้นที่ในวาระสุดท้ายของท่าน ซึ่งทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในจังหวัดสกลนคร ในแต่ละชุมชนต่างก็มีอัตลักษณ์เฉพาะตัวที่มีเสน่ห์ โครงการนี้จะเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์ ยกระดับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน กิจกรรมที่เราทำกัน เช่น บิณฑบาตรตามรอยหลวงปู่มั่น การตักบาตรข้าวเหนียว นับเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างแท้จริง ช่วยเสริมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในชุมชน วิถีชีวิตการขายผ้าคราม หรือต่างๆ ชาวบ้าน และชุมชน มีรายได้ ชุมชนเข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตนเองได้ รวมถึงผลพลอยได้ทางเศรษฐกิจก็จะตามมาอีกด้วย ซึ่งเป็นการนำองค์ความรู้ด้านการจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชน ไปพัฒนาบนฐานทรัพยากรของชุมชนที่มีอยู่ ให้เกิดเป็นกิจกรรมทางการท่องเที่ยว จากการร่วมมือกันในโครงการนี้ คาดว่าจะมีคนรุ่นใหม่รับรู้ เกิดแรงศรัทธา เข้ามาตามรอยหลวงปู่มั่นมากขึ้น จากเดิมที่มีเพียงผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ เข้ามาเป็นส่วนใหญ่ นอกจากการท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นการร่วมกันเชิดชูเกียรติของหลวงปู่มั่น บูรพาจารย์แห่งอีสาน พระอาจารย์ใหญ่แห่งกองทัพธรรม ซึ่งท่านได้ฝากมรดกธรรมและคำสอนไว้กับชาวบ้านและชุมชนในพื้นที่อย่างมากมาย และได้ร่วมกันสืบสานคำสอนมาจนถึงปัจจุบัน”
โครงการดังกล่าวเพื่อให้ทุกคนได้ยึดถือในคุณความดี และเพื่อเป็นอาจาริยบูชาเชิดชูเกียรติคุณของ องค์หลวงปู่มั่น ที่ได้รับการยกย่องเชิดชูให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก และได้ร่วมกันน้อมระลึกถึงพระคุณของ องค์หลวงปู่มั่น ที่ได้บำเพ็ญคุณประโยชน์อย่างมากมายไว้แก่พระศาสนา และสังคมไทย พร้อมน้อมนำหลักคำสอน มาปฏิบัติสืบต่อไป และยังเป็นการส่งเสริม และสร้างรายได้ และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในด้านการท่องเที่ยว โดยชุมชนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย